วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2562


ตอนที่1 ให้พิจารณาข้อความต่อไปนี้ว่าถูกหรือผิด
1.ความสามารถในการแก้ปัญหาติดตัวมาตั้งแต่เกิด ไม่สามารถสังสมเป็นประสมการณ์ได้ ตอบ ถูก 2.ขั้นตอนการแก้ปัญหาประกอบไปด้วยการวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา การวางแผนในการแก้ปัญหา การดำเนินการแก้ปัญหา และการตรวจสอบและปรับปรุง ตอบ ถูก 3.ผลลัพธ์ที่ได้จากขั้นตอนการวิดคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา การวางแผนในการแก้ไขปัญหา การดำเนินการแก้ไขปัญหา และการตรวจสอบและปรังปรุง ตอบ ถูก 4เมื่อได้แนวทางการแก้ปัญหาแล้วเราต้องดำเนินการแก้ปัญหาด้วยตนเองเสมอ ตอบ ถูก 5.การแก้ปัญหาตามแนวทางที่ได้วางไว้สามารถอาศัยเครื่องมืออื่นช่วยดำเนินการได้ อาทิเช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมสำเร็จ ตอบ ถูก 6.การถ่ายทอดความคิดแนวทางการแก้ปัญหาอาจทำได้ทั้งในรูปรหัสลำลองหรือผนังงาน ตอบ ผิด

ตอบที่2
1.ข้อใดไม่ใชหนึ่งในชั้นตอนการแก้ปัญหา ตอบ ง.เก็บบีนทึกปัญหา
2.สัญลักษณ์ใดที่ใช่แสดงถึงจุดิเริ่มต้นหรือสิ้นสุดในผังงาน ตอบ ง 3สัญลักษณ์หมายถึงอะไร ตอบ ก.ทิศทาง 4.สัญลักษณ์ใดที่ใช่แสดงถึงขั้นตอนที่มีการนำข้อมูลเข้าหรือออกสู้ภายนอก ตอบ ค. 5สัญลักษณ์ในผังงานแสดงถึงสิ่งใด ตอบ.ข จุดที่ต้องหยุดรอ

ตอนที่3 ให้ตอบคำถามต่อไปนี้ 1. การหาค่าน้อยที่สุดจากจำนวนเต็มใดๆ3จำนวน มีขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างไร เริ่มต้น 1.กำหนดค่าจำนวนแรก 2.กำหนดค่าจำนวนสอง 3.กำหนดค่าจำนวนสาม 4.ถ้าจำนวนแรก>จำนวนสอง ทำ 4.1กำหนดค่าจำนวนที่น้อยที่สุดให้เท่ากับจำนวนสอง มิฉะนั้น 4.2กำหนดค่าจำนวนที่น้อยที่สุดให้เท่ากับจำนวนแรก 5.ถ้าจำนวนที่สาม<จำนวนที่น้อยที่สุด ทำ 5.1กำหนดค่าที่น้อยที่สุดให้เท่ากับจำนวนที่สาม 6.แสดงผลลัพธ์จำนวนที่น้อยที่สุด จบ กำหนด ค่าแรก=5 ค่าสอง=4 ค่าสาม=3 ค่าที่น้อยที่สุด=few 2.ให้แก้ปัญหาการแปลงอุณหภูมิจากองศาเซลเซียสเป็งองศาฟาเรนไฮต์

℃ =
℉ - 32
 
______
 
 
1.8000























วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2562

แบบฝึกหัดท้ายบท3

แบบฝึกหัดท้ายบท3

ตอนที่1 ให้พิจารณาข้อความต่อไปนี้ว่าถูกหรือผิด

1.ครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นการนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อโดยผ่านตัวกลางในการสื่อสาร เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันและใช้ทรัพยากรร่วมกัน

ตอบ  ถูก

2. แพนเป็นการเชื่อมโยงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กโดยใช้สัญญาณบลูทูทหรืออินฟราเรด
 
ตอบ ผิด

3. แลนใช้เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน เช่น ภายในบ้านระหว่างอาคาร
ตอบ ถูก

4.แมนเป็นการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ในระหว่างไกลระหว่างประเทศ
ตอบ ถูก

5.แวนเป็นการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์หรือแลนหลายเครือยข่ายที่ตั้งอยู่ภายในเขตเมืองเดียวกัน
ตอบ  ผิด

6.เครือข่ายแบบรับ-ให้บริการ เป็นเครือข่ายที่เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องทำหน้าที่รับและให้บริการในขณะเดียวกัน
ตอบ ถูก

7.แลนไร้สายใช้คลื่นไมโครเวฟในการสื่อสาร
ตอบ ถูก

8.จุดเชื่อมต่อแบบไร้สายทำหน้าที่คล้ายฮับแต่เชื่อมต่ออุปรณ์ไร้สาย
ตอบ  ผิด

9.สายไฟเบอร์ออปติกทำจากแก้วหรือพลาสติก
ตอบ ถูก

10.สายยูีพี คือ สายคู่บิตเกลียวที่หุ้มด้วยลวดถักชั้นนอก
ตอบ ผิด
ตอนที่2

ให้พิจารณาข้อความต่อไปนี้แล้วเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด 1.การเชื่อมต่อโทรศัพท์​เคลื่อนที่​กับหูฟัง​ไร้สายจะเชื่อมต่อด้วยสัญญานใด ตอบ​ ข.บลูทูธ 2.การเชื่อมต่อ​กล้องดิจิิทัลกับเครื่องพิมพ์เป็นเครือข่ายประเภทใด ตอบ​ ก.แพน 3.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต​จากเครื่องคอมพิวเตอร์​โน้ต​บุ๊กผ่านสัญญาณโทรสัพท์เคลื่อนที่จะใช้โมเด็มแบบใด ตอบ ง.ถูกทุกข้อ 4.การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับสวิตช์จะใช้สายใดประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด ตอบ ก.ยูทีพี 5.การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์​โน๊ต​บุ๊ก​ให้ใช้งานอินเทอร์เน็ต​แบบร้ายสายใด้จะต้องเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ใด
ตอบ ก.ฮับ
ตอบ3
1อธิบายบทสำคัญของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีต่อโรงเรียน ตอบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์แห่งแรกในกลุ่มประเทศอาเซียน ที่เปิดโอกาสให้โรงเรียนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน และได้รับการยกย่องว่าเป็นโครงการตัวอย่าง (Best Practice) ที่นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเป็นเครื่องมือในการลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำของโอกาสในการศึกษาหาความรู้ 2เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีกี่ชนิดอะไรบ้าง พร้อมอธิบาย ตอบ เครือข่ายสามารถจำแนกออกได้เป็น 4 ประเภทได้แก่ 1. ระบบเครือข่ายระดับท้องถิ่น LAN (Local Area Network) เป็นระบบเครือข่ายที่ใช้งานอยู่ในบริเวณที่ไม่กว้างนัก อาจใช้อยู่ภายในอาคารเดียวกันหรืออาคารที่อยู่ใกล้กัน 2. ระบบเครือข่ายระดับเมือง MAN (Metropolitan Area Network) เป็นระบบเครือข่ายที่มีขนาดอยู่ระหว่าง Lan และ Wan เป็นระบบเครือข่ายที่ใช้ภายในเมืองหรือจังหวัดเท่านั้น 3. ระบบเครือข่ายระดับประเทศ หรือเครือข่ายบริเวณกว้าง WAN (Wide Area Network) เป็นระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใช้งานอยู่ในบริเวณกว้าง 4. ระบบเครือข่ายส่วนบุคคล PAN (Personal area network) เครือข่ายพื้นที่ส่วนบุคคลบลูทูธ (PAN) เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ทำให้คุณสามารถสร้างเครือข่าย อีเทอร์เน็ต ด้วยการเชื่อมต่อแบบไร้สายระหว่างคอมพิวเตอร์แบบเคลื่อนที่ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์แบบพกพาต่างๆ 3หากต้องการสร้างเครือข่ายในโรงเรียน โดยทุกห้องจะต้องติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ นักเรียนคิดว่าจะใช้อุปกรณ์ใดบ้าง และควรตั้งอยู่ที่ใด ตอบ1.โมเด็ม (Modem) 2. การ์ดเครือข่าย 3. เกตเวย์ (Gateway) 4. เราเตอร์ (Router) 5. บริดจ์ (Bridge) 6. รีพีตเตอร์ (Repeater) 7. สายสัญญาณ 8. ฮับ (HUB) ตั้งหน้าห้อง

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ประเภทของซอฟต์แวร์
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประเภทของซอฟต์แวร์
1. ซอฟต์แวร์ระบบ
ซอฟต์แวร์ระบบ หมายถึง ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่บริษัทผู้ผลิตสร้างขึ้นมาเพื่อใช้จัดการกับระบบ ซึ่งจะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น การนำเข้าข้อมูลของอุปกรณ์นำเข้า การประมวลผลของหน่วยประมวลผล การจัดสรรหน่วยความจำสำรอง และการแสดงผลของอุปกรณ์แสดงผล เป็นต้น เมื่อผู้ใช้เริ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ การทำงานจะเป็นไปตามชุดคำสั่งที่เขียนขึ้น ชุดคำสั่งนั้นก็คือ "ซอฟต์แวร์ระบบ" นั่นเอง ซอฟต์แวร์ประยุกต์ไม่ว่าประเภทใดล้วนแต่ต้องทำงานบนระบบปฏิบัติการทั้งสิ้น เครื่องคอมพิวเตอร์จะไม่ทำงานถ้าไม่มีระบบปฏิบัติการ การเริ่มใช้งานคอมพิวเตอร์ทุกครั้งจึงต้องบรรจุระบบปฏิบัติการเข้าไว้ในหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะให้เครื่องเริ่มทำงานอย่างอื่น ซอฟต์แวร์ระบบที่นิยมใช้ คือ ระบบปฏิบัติการ (operating system) เอ็มเอสดอส ยูนิกซ์ โอเอสทู วินโดวส์ ลินุกซ์ เป็นต้น
1.1 ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (OS:Operating System) เนื่องจากระบบปฏิบัติการเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ แต่ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันมีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน เช่น เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานทั่วไปจะมีคุณสมบัติและการทำงานที่แตกต่างจากคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เช่น มินิคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องให้บริการที่ต้องคอยให้บริการและดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นบริวารจำนวนมาก ระบบปฏิบัติการที่ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ประเภทนี้จึงต้องมีความซับซ้อนกว่าระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการดอส (Disk Operating System :DOS) เป็นซอฟต์แวร์จัดระบบงานที่พัฒนามานานแล้ว การใช้งานจึงใช้คำสั่งเป็นตัวอักษร ดอสเป็นซอฟต์แวร์ที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างลักษณะคำสั่ง ในระบบปฏิบัติการดอส เช่น C:\>copy C:\mydocument\data.doc A:\myfileคำสั่งนี้เป็นการใช้คำสั่งคัดลอกแฟ้มข้อมูลชื่อ data.doc ที่อยู่ใน Drive C Folder my document เอาไปไว้ที่ Drive A ใน Folder myfile

ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ (UNIX) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาตั้งแต่ครั้งใช้กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์เป็นระบบปฏิบัติการที่สามารถใช้งานได้หลายงานพร้อมกัน และทำงานได้หลาย ๆ งานในเวลาเดียวกัน ยูนิกซ์จึงใช้ได้กับเครื่องที่เชื่อมโยงและต่อกับเครื่องปลายทางได้หลายเครื่องพร้อมกัน

ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟต์วินโดวส์ (Microsoft Windows) ระบบปฏิบัติการนี้พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟต์ เป็นระบบปฏิบัติการที่มีลักษณะการใช้งานแตกต่างจาก 2 ระบบแรก เนื่องจากมีส่วนติดต่อกับผู้ใช้ (user interface) เป็นแบบที่เรียกว่าระบบติดต่อผู้ใช้แบบกราฟิก (Graphical User Interface : GUI) หรือที่เรียกว่า จียูไอ คือมีการแสดงผลเป็นรูปภาพ และใช้สัญลักษณ์ในรูปรายการเลือก (menu) หรือสัญรูป (icon) ในการสั่งงานคอมพิวเตอร์แทนการพิมพ์คำสั่งทีละบรรทัด ทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ง่ายขึ้น ทั้งยังมีสีสันทำให้ซอฟต์แวร์น่าใช้งานมากขึ้น ระบบปฏิบัติการวินส์โดวส์นี้เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมสูงมากในเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ทั่วไป ทั้งนี้นอกจากจะเป็นความง่ายในการใช้งานที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังเป็นเพราะหลังจากที่บริษัทไมโครซอฟต์ได้ผลิตระบบปฏิบัติการนี้ออกสู่ตลาด ก็ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่สามารถใช้งานบนระบบปฏิบัติการนี้ขึ้นหลายประเภท เช่น ซอฟต์แวร์ในกลุ่มซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน หรือซอฟต์แวร์นำเสนอข้อมูล ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานของผู้ใช้ในทุก ๆ ด้าน ทำให้เกิดการใช้งานที่แพร่หลาย นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ ๆ ที่สนับสนุนการใช้งานกับเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ระบบปฏิบัติการโอเอสทู (OS2) เป็นระบบปฏิบัติการแบบเดียวกับวินโดวส์ แต่บริษัท ผู้พัฒนาคือ บริษัทไอบีเอ็ม เป็นระบบปฏิบัติการที่ให้ผู้ใช้สามารถใช้ทำงานได้หลายงานพร้อมกัน และ การใช้งานก็เป็นแบบกราฟิกเช่นเดียวกับวินโดวส์

ระบบปฏิบัติการลินุกซ์ (LINUX) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นมาโดยนักศึกษาชื่อว่า "Linus Torvalds" จากประเภทฟินแลนด์ LINUX เป็นระบบปฏิบัติการที่มีลักษณะคล้ายกับ UNIX แต่มี ขนาดเล็กกว่าและทำงานได้เร็วกว่า ในช่วงแรกของการพัฒนา LINUX พัฒนาขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายให้ใช้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และพัฒนาขึ้นมาเพื่อคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ในช่วงหลังความนิยมใน การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่ายเพิ่มสูงขึ้น จึงมีผู้พัฒนาส่วนประกอบอื่น ๆ ของ LINUX เพื่อเพิ่ม ความสามารถในการทำงานทางด้านเครือข่าย และผู้ใช้ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วย

1.2 ซอฟต์แวร์อรรถประโยชน์ (Utility Software) เป็นโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่ช่วยสนับสนุน เพิ่ม หรือขยายขีดความสามารถของโปรแกรมที่ใช้งานอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบปฏิบัติการโดยส่วนใหญ่จะมีโปรแกรมอรรถประโยชน์มาให้ใช้งานอยู่แล้ว เช่น
- Windows Explorer เป็นเครื่องมือแสดงไฟล์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูภาพ และแก้ไของค์ประกอบของไฟล์ได้
- Uninstaller เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์ที่ใช้ในการยกเลิกโปรแกรมที่ทำการติดตั้งไว้ในระบบ เมื่อผู้ใช้ทำการติดตั้งโปรแกรม ระบบปฏิบัติการจะทำการบันทึกโปรแกรมนั้นไว้ในระบบไฟล์ หากผู้ใช้ต้องการลบโปรแกรมนั้นออกจากเครื่องก็สามารถใช้ เครื่องมือยกเลิกการติดตั้งโปรแกรมได้
- Disk Scanner เป็นเครื่องมือตรวจสอบดิสก์ เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์ที่ใช้ในการตรวจหาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับฮาร์ดดิสก์ ผู้ใช้สามารถกำหนดให้เครื่องมือตรวจสอบดิสก์นี้ทำการซ่อมส่วนที่เสียหายได้
ฯลฯ
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ 
เป็นซอฟต์แวร์ที่ผู้ผลิตได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อจำหน่าย ให้ผู้ใช้สามารถนำไปใช้งานได้โดยตรง โดยไม่ต้องไปพัฒนาเอง ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
2.1 ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป เป็นซอฟต์แวร์ที่มีบริษัทผู้ผลิตได้สร้างขึ้น และวางขายทั่วไป ผู้ใช้สามารถหาซื้อมาประยุกต์ใช้งานทั่วไปได้ ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะสำหรับงานใดงานหนึ่ง ผู้ใช้งานจะต้องเป็นผู้นำไปประยุกต์กับงานของตน เช่น ครูนำมาใช้ในการผลิตสื่อการสอน นักเรียนนำมาใช้ในการทำรายงาน เป็นต้น หรือผู้ใช้อาจต้องมีการสร้างหรือพัฒนาชิ้นงานภายในซอฟต์แวร์ต่อไปอีก ราคาของซอฟต์แวร์ใช้งานทั่วไปนี้จะไม่สูงมากเกินไป ซอฟต์แวร์ใช้งานทั่วไปซึ่งนิยมเรียกว่า ซอฟต์แวร์สำเร็จ แบ่งออกเป็นหลายกลุ่มตามลักษณะการใช้งาน คือ
1) ซอฟต์แวร์ประมวลผลคำ (Word Processing Software)เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์สำหรับการพิมพ์เอกสาร หน้าที่ของซอฟต์แวร์ประมวลผลคำคือ เป็นซอฟต์แวร์ใช้สำหรับจัดพิมพ์เอกสาร จัดทำรายงาน รวมทั้งงานพิมพ์ต่าง ๆ โดยบันทึกหรือพิมพ์ข้อความต่าง ๆ ลงในคอมพิวเตอร์ รวมทั้งสามารถจัดเก็บเอกสารที่พิมพ์แล้วลงในหน่วยความจำรองเพื่อใช้งานในภายหลังได้ด้วย

2) ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน เป็นซอฟต์แวร์เพื่อใช้ในงานด้านการคำนวณ หลักการทำงานของซอฟต์แวร์ตารางทำงาน คือ การให้คอมพิวเตอร์ทำหน้าที่เสมือนกระดาษทำการหรือเวิร์คชีด (worksheet) ของผู้ใช้งานซึ่งทำงานในรูปของคอลัมน์ (column) และแถว (row) โดยนำตัวเลขที่บันทึกในแต่ละแถว หรือคอลัมน์ มาทำการคำนวณตามสูตรคณิตศาสตร์ที่กำหนดไว้เช่น การนำตัวเลขในแถวหรือคอลัมน์ใดมาคำนวณเพื่อจัดเป็นค่าของคอลัมน์ใหม่ เมื่อมีค่าในคอลัมน์ หรือแถวใดเปลี่ยนไป ค่าที่สัมพันธ์กันจะเปลี่ยนตามไปด้วยโดยอัตโนมัติจุดเด่นที่สำคัญของซอฟต์แวร์ประยุกต์นี้คือ ช่วยทำให้งานคำนวณสะดวก รวดเร็ว ซึ่งสามารถกำหนดค่าของข้อมูลเพื่อคำนวณผลลัพธ์ในลักษณะต่าง ๆ ได้ รวมทั้งความสามารถในการแสดงผลลัพธ์ในรูปของตาราง และกราฟ หรือแผนภูมิต่าง ๆ ได้ซึ่งทำให้สามารถอ่านผลลัพธ์ได้ง่ายขึ้น
3) ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล ปัจจุบันนี้มีข้อมูลมีบทบาทสำคัญทุก ๆ ด้าน ทั้งในด้านการปฏิบัติงาน และการวางแผนการตัดสินใจ ซอฟต์แวร์ประยุกต์เพื่อใช้งานด้านการจัดการฐานข้อมูลจึงนับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่เข้ามาช่วยงานด้านการจัดเก็บข้อมูล ให้มีประสิทธิภาพทั้งในด้านการจัดเก็บ และการเรียกข้อมูลที่จัดเก็บออกมาใช้ได้ง่าย
4) ซอฟต์แวร์นำเสนอ เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์เพื่อใช้งานด้านการนำเสนอข้อมูล (Presentation) ในรูปแบบสไลด์ ซึ่งในการแสดงผลจะต้องมีรูปแบบที่น่าสนใจ ข้อความเข้าใจง่าย กระชับได้ใจความ สามารถแสดงผลในรูปแบบกราฟ ข้อความ รูปภาพ หรือเสียงได้ ซอฟต์แวร์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ได้แก่ Microsoft Power Point เป็นต้น
5 ) ซอฟต์แวร์จัดการด้านกราฟิก
ซอฟต์แวร์ชนิดนี้มีเครื่องมือสามารถปรับเปลี่ยนรูปภาพให้ได้ ตามความต้องการของผู้ใช้ เช่น ปรับความเข้มของแสง ปรับเปลี่ยนความแตกต่างของสีวัตถุในภาพ และสามารถตัดแปะองค์ประกอบของภาพหลาย ๆ ภาพมาสร้างเป็นภาพใหม่ได้เหมือนการสร้างศิลปะ นอกจากนี้ ยังสามารถเปลี่ยนลักษณะของภาพ ลักษณะของสีให้มีพื้นสีแบบต่าง ๆ ได้ บางโปรแกรมสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์นำเข้า เช่น เครื่องกราดตรวจ จากกล้องดิจิทัล สามารถจัดเก็บข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบของแฟ้มข้อมูลสามารถนำมาแก้ไขได้อีก ซอฟต์แวร์ที่นิยมใช้ เช่น Photoshop, Paint Brush เป็นต้น

6) ซอฟต์แวร์ติดต่อสื่อสาร ในปัจจุบันเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกขนาดสามารถเชื่อมโยงถึงกัน เพื่อติดต่อ สื่อสารกันได้ผ่านระบบเครือข่าย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศต่าง ๆ โดยใช้ซอฟต์แวร์ ชนิดนี้ควบคุมการติดต่อสื่อสารทั้งในเครื่องผู้ส่ง และในเครื่องผู้รับด้วย ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเพื่อการติดต่อสื่อสาร และการเข้าถึงข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีหลายชนิดตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน เช่น ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเพื่อการรับส่งแฟกซ์ การสนทนา การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การพูดคุยด้วยไมโครโฟน การค้นหาข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่จะต้องใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่เรียกว่า Web Browser หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Browser ซอฟต์แวร์เหล่านี้บางครั้งเป็นซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่มีพร้อมกับซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ เช่น Browser Internet Explorer ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows

2.2 ซอฟต์แวร์เฉพาะ เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่จะต้องมีการรวบรวมความต้องการของผู้ใช้ ก่อนการพัฒนาขึ้นมาเป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถทำงานได้ตามความต้องการนั้น การพัฒนาซอฟต์แวร์ประยุกต์ชนิดนี้ส่วนใหญ่เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในงานด้านธุรกิจ ที่ผู้ใช้ไม่สามารถหาซอฟต์แวร์สำเร็จรูปมาใช้งานได้อย่างตรงตามวัตถุประสงค์ เช่น ระบบงานบัญชี ระบบงานคลังสินค้า ระบบงานขาย ระบบงานห้องสมุด ระบบงานทะเบียนประวัติ ระบบบริหารงานบุคคล ระบบการเรียนการสอนทางไกลผ่านเว็บ เป็นต้น จึงจำเป็นต้องว่าจ้างนักพัฒนาระบบหรือบริษัทรับพัฒนาระบบ ให้วิเคราะห์ความต้องการ ออกแบบระบบ เขียนโปรแกรม และติดตั้งเพื่อใช้งาน ดังนั้น ซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ได้จึงตรงตามความต้องการของผู้ใช้อย่างแท้จริง

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ชนิดของเครื่อค่ายคอมพิวเตอร์

ชนิดของเครื่อค่ายคอมพิวเตอร์
การแบ่งชนิดของเครือข่ายสามารถแบ่งได้หลายแบบด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่นิยมแบ่งตามขนาดของเครือข่าย โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ
                       1. LAN (Local Area Network)
                       2. MAN(Metropolitan Area Network)
                       3. WAN (Wide Area Network)

1. LAN (Local Area Network)
        ระบบเครือข่ายท้องถิ่น เป็นเน็ตเวิร์กในระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร ไม่ต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์เป็นระบบเครือข่ายที่อยู่ภายในอาคารเดียวกันหรือต่างอาคารในระยะใกล้ๆ
ลักษณะสำคัญของเครือข่ายแลน คืออุปกรณ์ที่ประกอบภายในเครือข่ายสามารถส่งรับสัญญาณกันด้วยความเร็วสูงมาก โดยทั่วไปมีความเร็วตั้งแต่หลายสิบล้านบิตต่อวินาที จนถึงกว่าพันล้านบิตต่อวินาที
การสื่อสารในระยะใกล้จะมีความเร็วในการสื่อสารสูง ทำให้การรับส่งข้อมูลมีความผิดพลาดน้อยและสามารถรับส่งข้อมูลจำนวนมากในเวลาจำกัดได้เครือข่ายแลนจึงเป็นเครือข่ายที่มีบทบาทสำคัญใน
การเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กรและมีแนวโน้ม
ที่จะทำให้ทรัพยากรและการประมวลผลในองค์กรเชื่อมโยงเป็นระบบเดียวทำให้ใช้งานร่วมกันได้ทั้งองค์กร
       ประโยชน์ของ LAN
- Sharing of peripheral devices : แบ่งกันใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องพิมพ์ ซีดีรอมไดร์ฟ เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่มีประสิทธิภาพสูง
- Sharing of programs and data : แบ่งกันใช้งานโปรแกรม และข้อมูล
- Better communication : เป็นการติดต่อสื่อสารที่ดีกว่า
- Access to database : สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลได้สะดวก


ที่มา : pimmyforward.wordpress.com

2. MAN (Metropolitan Area Network)
       ระบบเครือข่ายเมือง เป็นเน็ตเวิร์กที่จะต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นการติดต่อกันในเมือง เช่น เครื่องเวิร์กสเตชั่นอยู่ที่สุขุมวิท มีการติดต่อสื่อสารกับเครื่องเวิร์กสเตชั่นที่บางรัก


หน่วยการเรียนที่ 3 เครื่อข่ายคอมพิวเตอร์

3. WAN (Wide Area Network)
       ระบบเครือข่ายกว้างไกล หรือเรียกได้ว่าเป็น World Wide ของระบบเน็ตเวิร์ก โดยจะเป็นการสื่อสารในระดับประเทศ ข้ามทวีปหรือทั่วโลกจะต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย (คู่สายโทรศัพท์ dial-up / คู่สายเช่า Leased line / ISDN) เครือข่าย แบบ WAN อื่น ๆ
       - Circuit-Switching Networks
       - Packet-Switching Networks
       - ISDN : Integrated Services Digital Network
       - ATM : Asynchronous Transfer Mode

วิวัฒนาการ การสื่อสาร

วิวัฒนาการ การสื่อสาร
พัฒนาการทางเทคโนโลยีการศึกษาในปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคต
การศึกษาในปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเพื่อพัฒนาปฏิรูปการจัดการศึกษาให้เท่าเทียบกับสากลดังนั้นจึงได้มีการนำสารสนเทศเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายการศึกษาคือ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542  พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เป็นกฎหมายว่าด้วยการศึกษาของชาติฉบับแรกของประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2542 เป็นต้นมา มีสาระสำคัญที่ใช้เป็นหลักในการปฏิรูปการศึกษาของชาติทั้งในส่วนที่เป็นความมุ่งหมาย หลักการของการจัดการศึกษา สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา ระบบการศึกษา แนวทางจัดการศึกษาการบริหารและจัดการศึกษา มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา ครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (กระทรวงศึกษาธิการ.2542)
พัฒนาการสื่อและเทคโนโลยีการศึกษาในประเทศไทย      
วิวัฒนาการของระบบงานสื่อและเทคโนโลยีการศึกษาในทุกประเทศทั่วโลกล้วนเริ่มต้นมาจากห้องสมุด ซึ่งถือเป็นศูนย์รวมแหล่งความรู้จากสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลาย จนเมื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวหน้าขื้น งานโสตทัศนศึกษา จึงก้าวเข้ามาเป็นอีกหนึ่งรูปแบบ หลังจากนั้นขอบเขตของสื่อและเทคโนโลยีการศึกษาก็ขยายวงมากขึ้น จนมีลักษณะเป็นสื่อประสม (Muliti-media) นับแต่ทศวรรษ 1960 การศึกษาได้พัฒนารูปแบบไปอย่างหลากหลาย สื่อและเทคโนโลยีการศึกษาจึงเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปด้วย นำสู่การเรียนการสอนในสาขาใหม่คือ เทคโนโลยีการศึกษา (Instructional Technology) ซึ่งเป็นวิชาชีพที่ประยุกต์ระหว่างการวิเคราะห์ การออกแบบ การพัฒนา การนำไปใช้และการประเมินปรับปรุง เพื่อให้การเรียนการสอนดำเนินควบคู่ไปกับสื่อและเทคโนโลยีในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างกลมกลืนและเกิดประโยชน์สูงสุด จนทำให้หลายๆสถาบันการศึกษาตั้งหน่วยงานเพื่อการทำงานด้านสื่อและเทคโนโลยีการศึกษาอย่างจริงจัง โดยใช้ชื่อแตกต่างกันไป อาทิ ศูนย์โสตทัศนศึกษา ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำนักวิทยบริการ และศูนย์นวัตกรรมการศึกษา เป็นต้น ในประเทศไทยหน่วยงานด้านสื่อและเทคโนโลยีการศึกษาเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2483 ได้แก่ แผนกโสตทัศนศึกษา สังกัด กองการศึกษาผู้ใหญ่ กรมสามัญศึกษากระทรวงศึกษาธิการ ก่อนจะยกฐานะเป็นศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาสังกัดกรม การศึกษานอกโรงเรียนเมื่อปี พ.ศ. 2515 โดยให้บริการทั้งด้านวิทยุศึกษา วิทยุโรงเรียน วิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา งานวารสารและเอกสายร และการผลิตโสตทัศนูปกรณ์ หลังจากนั้นงานด้านสื่อและเทคโนโลยีการศึกษาก็ได้ขยายรูปแบบและตีวงกว้างออกไปยังสถาบันการศึกษาทุกระดับชั้น จนมาถึงยุคดิจิตัลอีเลิร์นนิ่งเช่นในปัจจุบัน ดร.สุรสิทธิ์ วรรณไกรโรจน์ ผู้อำนวยการโครงการการเรียนรู้แบบออนไลน์แห่ง สวทช ได้ให้คำจำกัดความของ e-learning เป็นการศึกษาเรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต หรืออินทราเน็ต เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้เรียนจะได้เรียนตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วยข้อความ รูปภาพ เสียง วีดีโอ และมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่าน web browser โดยผู้เรียน ผู้สอน และเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคนสามารถติดต่อปรึกษา และเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้ เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อสื่อสาร ที่ทันสมัย  จึงเป็นการเรียนสำหรับทุกคน เรียนได้ทุกเวลา และทุกสถานที่ Learn for all anyone, anywhere and anytime ด้วยเหตุนี้ เมื่อกล่าวถึงสื่อและเทคโนโลยี เพื่อการศึกษาในยุคนี้แทบทุกคนจึงนึกถึง e-learning เป็นอันดับแรก แม้ความหมายของ e-learning จะเอื้อให้ทั้งเด็ก และ ครูเกิดการเรียนรู้ได้ตลอดเวลา แต่ในทางปฎิบัติ การเรียนรู้มิได้เกิดขึ้นง่ายดายปานนั้น ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และ คอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค (NECTEC) ได้เคยสรุปปัญหาของการใช้เทคโนโลยีและสื่อทั้นสมัยในการเรียนการสอนไว้คร่าวๆดังนี้คือ ปัญหาจากโครงสร้างพื้นฐาน เช่น อุปกรณ์ไม่เพียงพอ มีราคาสูง ขาดงบประมาณ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหาร เพื่อนครู และชุมชน ขาดแคลนสื่อเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ และปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ เป็นตัน และปัญหาจากบุคลากร ได้แก่ ความรู้สึกกลัวเทคโนโลยี รู้สึกเป็นภาระขาดบุคลากรที่มีความรู้ หรือ แหล่งพัฒนาความรู้ ไม่สามารถบูรณะการเทคโนโลยเข้ากับหลักสูตรที่มีอยู่ได้ และการจัดทำเนื้อหาที่ไม่ทันต่อเทคโนโลยี เป็นต้น ประเทศไทยได้นำคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องมือสร้างสื่อการเรียนและถ่ายทอดความรู้มาเป็นระยะเวลานาน โดยระยะแรกจะอยู่ในรูปของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Aided Instruction : CAI ) ใช้แทนเอกสารหนังสือ แต่ปัจจุบันเมื่อคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้ CAI จึงเปลี่ยนมาเป็นการเรียนการสอนผ่านบริการเว็บเบส (Web Based Instruction : WBI ) ซึ่งรวดเร็วและกว้างไกลกว่าเดิมมาก ทั้งยังประหยัดเงินเพื่อการจัดหาซอฟต์แวร์สร้างสื่อ ซึ่งมีราคาแพง การเรียนการสอน ในรูป WBI จึงเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง และได้พัฒนามาเป็นสื่อการเรียนการสอนในรูป e-learning ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบันรูปภาพที่เกี่ยวข้อง